Home ข้อคิดเตือนใจ “หากไม่มีลูก แก่มาใครจะเลี้ยง” ใครคิดแบบนี้อ่ านแล้วจะเข้าใจ

“หากไม่มีลูก แก่มาใครจะเลี้ยง” ใครคิดแบบนี้อ่ านแล้วจะเข้าใจ

0 second read
0

แนวคิดที่ว่า… มีลูกเพื่อหวังจะให้มาเลี้ยงดูในย ามแก่…

เป็นแนวคิดของคนสมัยก่อน ซึ่งผู้ใหญ่หลายๆ คนมักจะมีแนวคิดแบบนี้จริงๆ

แต่ว่า หากจะมองในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่ างไรในยุคสังคมปัจจุบัน

จะยังใช้ความคิดแบบนี้ได้อยู่ไหม

“ มีลูกเพื่อที่ว่า จะได้มีคนเลี้ยงดูเราตอนอายุมากขึ้น ”

ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า…

หากลูกไม่ยอมเลี้ยงดู คืออกตัญญูอย่างนั้นหรือ..?

หรือว่าในความเป็นจริงนี่คือความรักที่หวังผล

เป็นความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพ่อแม่กันแน่ !!

เชื่อว่าคงมีหลายคนเคยได้ยินคนพูดกันว่า

” หากมีลูก..เวลาเราเเก่ตัวมาจะได้มีคนเลี้ยงดู!! ”

เเละ อีกคำพูดหนึ่งคือ

” ถ้าหากไม่มีลูก เเก่มา..ใครจะเลี้ยง?? ”

ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกส่งต่อสืบทอดกันมาตั้งแต่โบร าณกันเลยทีเดียว

หลายๆ คนก็ยังคิดแบบนี้กันอยู่เสี ยด้วย แต่ว่าก็ยังมีคนเเก่ที่ปรับตัว

อยู่กับครอบครัวไม่ได้ แล้วคุณล่ะ…มีคิดกับเรื่องนี้อย่ างไร ?

คุณลองมาดูและให้คำตอบตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยสอนใจได้ไม่น้อยเลย

เรื่องมันมีอยู่ว่า…

มีคุณแม่คนหนึ่ง ที่สามีของเธอได้เ สี ยไปนานมากแล้ว เธอทำงานเพียงคนเดียว

โดยสอนหนังสือเพื่อหาเงินมา เลี้ยงดูครอบครัว เธอเลี้ยงลูกชายจนเติบโตมา และ

ลูกชายของเธอก็เป็นคนว่านอน สอนง่าย เชื่อฟังแม่ตั้งแต่เ ด็ ก ๆ เลย

พอลูกโต…ก็ส่งไปเรียนต่ออ เ ม ริ ก า

หลังจากเรียนจบ …เขาก็อยู่ทำงานที่นั่นต่อ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก 1 คน

สร้างครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข แล้วแม่เขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ

ลูก ลูกสะใภ้และหลาน ที่ อ เ ม ริ ก า

ในช่วงวัยหลังเกษี ยณ… ชีวิตบั้นปลายก็มีความสุขดี

ซึ่งสามเดือนก่อนที่เขาจะเกษียณนั้น เขาก็รีบเขียนจดหม าย

ไปบอกกับลูกชาย ซึ่งบอกถึงความปรารถนากับลูกชายว่า…

มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงย ามเเก่ คิดถึงสายตาของญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ

เพียงแค่คิดถึงภาพเห ล่ านั้นว่า ทุกคนจะอิจฉาเธอ ที่เห็นเธอ

ก็มีความสุข จากนั้นก็ส่งไปให้ลูกชายที่เมืองนอก

ก็รอจดหมายตอบกลับจากลูกชาย

ซึ่งเธอก็จัดการเรื่องบ้าน งานต่าง ๆ จนเสร็จเรียบร้อย

และในคืนสุดท้ายก่อนที่เธอเกษียณนั้น

จดหมายจากลูกชาย ณ แดนไกลก็มาถึง

พอเปิดออกมาดู ก็เห็นเป็นเช็คมูลค่า 3 หมื่นเหรียญดอลล่าห์

เธอก็รู้สึกแปลกใจมาก ๆ เพราะลูกชายไม่เคยส่งเงินให้เธอเลย

แล้วจากนั้นก็ได้เปิด อ่ านจดหมายที่มีใจความว่า…

แม่ครับ เราได้คุยกันแล้ว และได้ข้อสรุปว่า…

พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยที่อ เ ม ริ ก า

ถ้าแม่คิดว่า แม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา

ผมคำนวณตามราคาตลาดก็ประมาณ

20,000 กว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อย

แล้วส่งเช็คให้ 30,000 เหรียญมาให้แม่นะครับ

หวังว่าต่อไปนี้ แม่จะไม่เขียนจดหมายมาหาผมอีก

หลังจากอ่ านจดหมายจบ…

ก็น้ำตาไหลเลย รู้สึกเหมือนต้องเป็นม่ายตลอดชีวิต

และเธอก็ตัดสินใจศึกษาพระพุ ท ธ ศ า ส น า

หลังจากนั้น เธอก็คิดได้ว่าเธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญ

ไปเที่ยวรอบโลกจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ แล้วจากนั้น

เธอก็เขียนจดหมาย 1 ฉบับหาลูกชาย

ใจความในจดหมายเขียนว่า…

ลูกรัก ลูกไม่อย ากให้แม่เขียนจดหมายมาอีกก็ให้คิดเถอะว่าจดหมายฉบับนี้

เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วนะ แม่ได้รับเช็คแล้วและใช้เงินนั้นเดินทาง

เที่ยวรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่นั้น อยู่ ๆแม่ก็รู้สึกว่ าแม่ควรขอบใจลูก

“ขอบใจ” ที่ทำให้แม่ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่ าง แม่ได้ปล่อยวางแล้ว ทำให้แม่

ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน คนรัก ไม่มีรากหยั่งลึก มันสามารถ

เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติด ยังทุ ก ข์ แม่คงจากไป

จากการปฏิเสธของลูกในวันนั้น ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเราถ้ามีวาสนาก็ได้เจอ

หมดวาสนาก็ต้องจาก ทุกอย่ างไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ มองทุก

อย่ างในเชิงบวก แม่ไม่มีลูกแล้ว แม่ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

ฉะนั้นแล้ว… แม่ถึงอยู่ได้โดยไม่มีมัน

อ่านแล้ว ช่างพ่อแม่ที่น่าสงส าร

คนเป็นพ่อแม่ อย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่สุดท้ายแล้ว

สิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด มีคนกล่ า วเ อ าไว้ว่า..

บ้านของพ่อแม่ คือบ้านของลูกตลอดเวลา

บ้านของลูก ไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่หรอก

การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ

การเลี้ยงดูเป็นภาระหน้าที่

การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจ ผิ ด

ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้

แม้ว่า..ไม่ใช่ลูกทุกคนจะเป็นเหมือนลูกชายในเรื่องนี้ ที่ไม่มีหัวใจ

แต่คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรคิดว่าเเก่แล้วจะต้องพึ่งพาลูก ๆ

หากจะพูดกันตามตรง เเก่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง

เมื่อลูกกตัญญูต่อคุณแสดงว่า..คุณมีบุ ญมาก

หากลูกไม่กตัญญูพอ พ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้

วิธีที่ดีที่สุด คือการวางแผนชีวิตตนเอง พึ่งพาตนเองให้ได้

จากมุมมองของสังคม

การมีลูกจะได้มีเลี้ยงตนตอนเเก่ เป็นความปรารถนาของใจ

แต่ในปัจจุบันนี้อะไรหลายอย่ างมันเปลี่ยนไป และยุคนี้ไม่เหมาะ

ที่จะคิดว่า มีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่อีกด้วย..

หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติใครหลาย ๆ คนไม่มากก็น้อยนะ

การไปวางความคาดหวังไว้กับลูกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย

ขนาดคุณยังชอบที่จะเลือกทางเดินให้กับตัวเอง

แล้วลูกคุณเขาจะไม่อย ากทำบ้างหรือ ?

หากคาดหวังมีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่นั้นมันผิ ด และเห็นเเก่ตัวตั้งแต่คิดแล้ว

เขาควรจะมีชีวิตที่เขาเลือกเอง ในขณะเดียวกันคุณก็เลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบ

ของตัวเองได้เหมือนกัน

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดเตือนใจ

Check Also

ขอฝากถึงลูกๆทุกคน เมื่อวันหนึ่งที่พ่อแม่ต้องเดินทางไกล

ลองคิดดูนะว่า…การที่เราได้เกิดมาลืมต าดูโลกนั้น ค … …