
แนวคิดที่ว่า… มีลูกเพื่อหวังจะให้มาเลี้ยงดูในย ามแก่…
เป็นแนวคิดของคนสมัยก่อน ซึ่งผู้ใหญ่หลายๆ คนมักจะมีแนวคิดแบบนี้จริงๆ
แต่ว่า หากจะมองในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่ างไรในยุคสังคมปัจจุบัน
จะยังใช้ความคิดแบบนี้ได้อยู่ไหม
“ มีลูกเพื่อที่ว่า จะได้มีคนเลี้ยงดูเราตอนอายุมากขึ้น ”
ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า…
หากลูกไม่ยอมเลี้ยงดู คืออกตัญญูอย่างนั้นหรือ..?
หรือว่าในความเป็นจริงนี่คือความรักที่หวังผล
เป็นความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพ่อแม่กันแน่ !!
เชื่อว่าคงมีหลายคนเคยได้ยินคนพูดกันว่า
” หากมีลูก..เวลาเราเเก่ตัวมาจะได้มีคนเลี้ยงดู!! ”
เเละ อีกคำพูดหนึ่งคือ
” ถ้าหากไม่มีลูก เเก่มา..ใครจะเลี้ยง?? ”
ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกส่งต่อสืบทอดกันมาตั้งแต่โบร าณกันเลยทีเดียว
หลายๆ คนก็ยังคิดแบบนี้กันอยู่เสี ยด้วย แต่ว่าก็ยังมีคนเเก่ที่ปรับตัว
อยู่กับครอบครัวไม่ได้ แล้วคุณล่ะ…มีคิดกับเรื่องนี้อย่ างไร ?
คุณลองมาดูและให้คำตอบตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยสอนใจได้ไม่น้อยเลย
เรื่องมันมีอยู่ว่า…
มีคุณแม่คนหนึ่ง ที่สามีของเธอได้เ สี ยไปนานมากแล้ว เธอทำงานเพียงคนเดียว
โดยสอนหนังสือเพื่อหาเงินมา เลี้ยงดูครอบครัว เธอเลี้ยงลูกชายจนเติบโตมา และ
ลูกชายของเธอก็เป็นคนว่านอน สอนง่าย เชื่อฟังแม่ตั้งแต่เ ด็ ก ๆ เลย
พอลูกโต…ก็ส่งไปเรียนต่ออ เ ม ริ ก า
หลังจากเรียนจบ …เขาก็อยู่ทำงานที่นั่นต่อ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก 1 คน
สร้างครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข แล้วแม่เขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ
ลูก ลูกสะใภ้และหลาน ที่ อ เ ม ริ ก า
ในช่วงวัยหลังเกษี ยณ… ชีวิตบั้นปลายก็มีความสุขดี
ซึ่งสามเดือนก่อนที่เขาจะเกษียณนั้น เขาก็รีบเขียนจดหม าย
ไปบอกกับลูกชาย ซึ่งบอกถึงความปรารถนากับลูกชายว่า…
มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงย ามเเก่ คิดถึงสายตาของญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ
เพียงแค่คิดถึงภาพเห ล่ านั้นว่า ทุกคนจะอิจฉาเธอ ที่เห็นเธอ
ก็มีความสุข จากนั้นก็ส่งไปให้ลูกชายที่เมืองนอก
ก็รอจดหมายตอบกลับจากลูกชาย
ซึ่งเธอก็จัดการเรื่องบ้าน งานต่าง ๆ จนเสร็จเรียบร้อย
และในคืนสุดท้ายก่อนที่เธอเกษียณนั้น
จดหมายจากลูกชาย ณ แดนไกลก็มาถึง
พอเปิดออกมาดู ก็เห็นเป็นเช็คมูลค่า 3 หมื่นเหรียญดอลล่าห์
เธอก็รู้สึกแปลกใจมาก ๆ เพราะลูกชายไม่เคยส่งเงินให้เธอเลย
แล้วจากนั้นก็ได้เปิด อ่ านจดหมายที่มีใจความว่า…
แม่ครับ เราได้คุยกันแล้ว และได้ข้อสรุปว่า…
พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยที่อ เ ม ริ ก า
ถ้าแม่คิดว่า แม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา
ผมคำนวณตามราคาตลาดก็ประมาณ
20,000 กว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อย
แล้วส่งเช็คให้ 30,000 เหรียญมาให้แม่นะครับ
หวังว่าต่อไปนี้ แม่จะไม่เขียนจดหมายมาหาผมอีก
หลังจากอ่ านจดหมายจบ…
ก็น้ำตาไหลเลย รู้สึกเหมือนต้องเป็นม่ายตลอดชีวิต
และเธอก็ตัดสินใจศึกษาพระพุ ท ธ ศ า ส น า
หลังจากนั้น เธอก็คิดได้ว่าเธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญ
ไปเที่ยวรอบโลกจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ แล้วจากนั้น
เธอก็เขียนจดหมาย 1 ฉบับหาลูกชาย
ใจความในจดหมายเขียนว่า…
ลูกรัก ลูกไม่อย ากให้แม่เขียนจดหมายมาอีกก็ให้คิดเถอะว่าจดหมายฉบับนี้
เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วนะ แม่ได้รับเช็คแล้วและใช้เงินนั้นเดินทาง
เที่ยวรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่นั้น อยู่ ๆแม่ก็รู้สึกว่ าแม่ควรขอบใจลูก
“ขอบใจ” ที่ทำให้แม่ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่ าง แม่ได้ปล่อยวางแล้ว ทำให้แม่
ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน คนรัก ไม่มีรากหยั่งลึก มันสามารถ
เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติด ยังทุ ก ข์ แม่คงจากไป
จากการปฏิเสธของลูกในวันนั้น ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเราถ้ามีวาสนาก็ได้เจอ
หมดวาสนาก็ต้องจาก ทุกอย่ างไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ มองทุก
อย่ างในเชิงบวก แม่ไม่มีลูกแล้ว แม่ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ฉะนั้นแล้ว… แม่ถึงอยู่ได้โดยไม่มีมัน
อ่านแล้ว ช่างพ่อแม่ที่น่าสงส าร
คนเป็นพ่อแม่ อย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่สุดท้ายแล้ว
สิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด มีคนกล่ า วเ อ าไว้ว่า..
บ้านของพ่อแม่ คือบ้านของลูกตลอดเวลา
บ้านของลูก ไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่หรอก
การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ
การเลี้ยงดูเป็นภาระหน้าที่
การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจ ผิ ด
ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้
แม้ว่า..ไม่ใช่ลูกทุกคนจะเป็นเหมือนลูกชายในเรื่องนี้ ที่ไม่มีหัวใจ
แต่คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรคิดว่าเเก่แล้วจะต้องพึ่งพาลูก ๆ
หากจะพูดกันตามตรง เเก่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง
เมื่อลูกกตัญญูต่อคุณแสดงว่า..คุณมีบุ ญมาก
หากลูกไม่กตัญญูพอ พ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้
วิธีที่ดีที่สุด คือการวางแผนชีวิตตนเอง พึ่งพาตนเองให้ได้
จากมุมมองของสังคม
การมีลูกจะได้มีเลี้ยงตนตอนเเก่ เป็นความปรารถนาของใจ
แต่ในปัจจุบันนี้อะไรหลายอย่ างมันเปลี่ยนไป และยุคนี้ไม่เหมาะ
ที่จะคิดว่า มีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่อีกด้วย..
หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติใครหลาย ๆ คนไม่มากก็น้อยนะ
การไปวางความคาดหวังไว้กับลูกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย
ขนาดคุณยังชอบที่จะเลือกทางเดินให้กับตัวเอง
แล้วลูกคุณเขาจะไม่อย ากทำบ้างหรือ ?
หากคาดหวังมีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่นั้นมันผิ ด และเห็นเเก่ตัวตั้งแต่คิดแล้ว
เขาควรจะมีชีวิตที่เขาเลือกเอง ในขณะเดียวกันคุณก็เลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบ
ของตัวเองได้เหมือนกัน