
เรื่องก็คือว่า…ในเช้าวันหนึ่ง.. ภรรย าเธอได้บอกกับสามีของเธอว่า
“ วันนี้ ฉันจะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณแม่ คุณจะขับรถไปส่งฉันหน่อยได้ไหม
ฝนตกหนักแบบนี้ ไปรถโดยส าร มันไม่สะดวกเลย ”
สามี.. ผู้ซึ่งหน้าตาบู ดบึ้งมาตั้งแต่เช้า ได้ยิน แต่ก็ไม่ตอบภรรย า เขากลับ
กระช ากเสียงใส่ แล้วถามภรรย ากลับไปว่า
“เมื่อวาน เธอซื้อเสื้อผ้ามาใหม่ใช่มั้ย ?? เธอเคยรับปากฉันไว้แล้วนะว่า
จะไม่ใช่เงินฟุ่มเฟือย อย่ าลืมว่าเรายังมีบ้าน มีรถที่ต้องผ่อนอีก ไหนจะ
ค่าเรียนลูก ค่าใช้จ่ายเราก็เยอะแยะ.. ทำไมเธอถึงไม่ช่วยกันประหยัด!! ”
ภรรย าได้ฟัง จึงนิ่งไปสักพัก แล้วก็ได้แต่พูดออกมาเป็นเสียงเบา ๆ
อย่ างคนรู้สึกผิด ว่า “ ที่แท้ คุณก็โกรธฉันเรื่องนี้นี่เอง ”
ภรรย า.. ก้มหน้าก้มตาจัดเสื้อผ้าต่อไปแบบเงียบๆ แล้วบอกสามีว่า
“ วันนี้ มีรถโดยส ารเข้าเมืองแค่เที่ยวเดียว ฉันคงต้องรีบไปแล้วแหละ
คุณไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันจะนั่งรถโดยสารไปเอง ”
พูดจบ แล้วเธอก็ออกบ้านไป โดยที่สามีไม่สนใจใยดีหรือถามไถ่อะไรต่อเลย
เพราะเขาคงยังโกรธเธออยู่มาก
พอประมาณครึ่งชั่ ว โมงผ่านไป…
สามีได้ยินเสียงเอะอะ บนถนน..จึงรีบออกไปดู แล้วได้ยินผู้คนตะโกนกันว่า
ฝนที่ตกหนัก เซาะตลิ่งจนสะพานเข้าเมืองได้ขาดลง และมีรถเมล์คันหนึ่ง
ได้ตกลงไปในน้ำด้วย เมื่อสามี..ได้ยินดังนั้น เขารู้สึกตกใจมาก รีบกระโดด
ออกจากบ้านไปทันที เมื่อเขาไปถึงแม่น้ำ..
รถเมล์ที่ถูกเก็บกู้ขึ้นมาจากน้ำ เหลือเพียงซ ากเหล็กและสัมภาระกระเป๋าต่างๆ
ของผู้โดยส ารอยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมด มีการหามร่ าง ของผู้ เสี ย ชี วิ ต
คนแล้วคนเล่า ขึ้นมาจากแม่น้ำนั้น.. ชายหนุ่มก็ได้แต่เฝ้ามองหาภรรย าของตน
หายังไง ก็ไม่พบเธอเลย เขารู้สึกเสี ยใจแทบข าด เฝ้าคอยถามหน่ วยกู้ภั ยที่
ทำงานอยู่ว่า “ เห็นภรรย าผมบ้างไหม เธอใส่เสื้อสีแดง กางเกงสีดำ เห็นเธอมั้ย ?? ”
ทุกคนได้แต่ส่ายหน้า… แล้วบอกว่าไม่เห็นเลย
พอเวลาผ่านไป จนเกือบเย็น…
กู้ภัยหยุดการทำงาน เพราะไม่มี ผู้ เ สี ย ชี วิ ต ที่ต้องหาแล้ว จึงบอกชายหนุ่มว่า
“ หั กห้ามใจเถอะนะ ภรรย าคุณ คงโดนน้ำพัดไปไกลแล้ว ”
ชายหนุ่มเดินคอตกกลับบ้าน เหมือนคนไม่มีวิ ญญ าณ เอาแต่ร้องไห้ไป คร่ำครวญ
ไปตลอดทาง ในใจของเขาเฝ้าแต่คร่ำครวญว่า “ ทำไมๆๆๆ เราไม่ขับรถไปส่งเธอนะ
เราไปด่ าเธอทำไมว่าใช้เงินฟุ่มเฟือย แค่เสื้อตัวเดียว มันจะราคาเท่าไหร่กัน ”
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
เขากลับพบว่า… ภรรย าของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาห าร แถมยังมีอาห ารวางอยู่บนโต๊ะ
เต็มไปหมด ในมือของเธอนั้น มีเสื้อกันหนาวเก่าๆตัวหนึ่ง ซึ่งเธอกำลังเย็ บซ่ อมชาย
เสื้อที่กำลังหลุดรุ่ยตั้วนั้นอยู่..
“ คุณไปไหนมาคะ ? ” ภรรยาถามผู้ซึ่งสามี
ภรรย ายังพูดไม่ทันจบ สามีก็รีบตรงเข้าไปกอดเธอจนแน่น..
“ คุณเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม .. วันนี้ ฉันมัวเอาเสื้อไปคืนที่ร้าน เสี ยเวลาอ้อนวอนให้เขา
รับคืนไปมากเลย ไปขึ้นรถเมล์ก็ไม่ทัน..อากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว ฉันเลยรื้อเสื้อเก่ามา
ซ่อมก็พอใส่ได้อีกหลายปีเลยนะคะ ฉันนี่มันแ ย่ จริงๆ ของเก่าก็ยังมี ไปซื้อของใหม่มาทำไม ”
และเรื่องนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า…
เรื่องบางเรื่อง เราอาจโกรธจนลืมไปว่า มันไม่สำคัญ
เทียบเท่ากับ “ ความสุข ” ของเราเลยนะ
เรื่องบางเรื่อง ไม่สำคัญเท่ากับ “ ความสุข ” ของคนที่เรารัก..
เรามีเวลาในโลกนี้อย่ างจำกั ด แถมเวลาที่ใช้ร่วมกันก็ยิ่งจำกั ด
อะไรที่ไม่สำคัญมากพอ ก็อย่ านำมาเป็นอารมณ์มากมายนักเลย