
1.ก่อนใช้จ่ายออกไป คิดให้มาก คิดให้เป็น
จงบอกตัวเองไว้ว่า อย่ าฟุ่มเฟือยจนเกินกำลังตัวเอง
และอย ากให้ลองนึกถึงภาพถังน้ำขนาดใหญ่ที่จู่ ๆ
มันปริแต กขึ้นมา เป็นรอยรั่ วจุดเล็กๆ และเราอาจจะ
มองว่ามันไม่สำคัญอะไร เพราะปัญหามันเล็กนิดเดียว
เลยไม่สนใจที่จะปิดมัน ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นต่อไปอีก
เรื่อยๆ ทีนี้พอหลังจากนั้น เจ้ารูที่เคยป ริร้ าวตัวนี้มันก็
กลับถูกแร งดันน้ำ ดันออกจนทำให้เกิดเป็นรูใหญ่ขึ้น
ไปเรื่อยๆ ทีนี้แหละ แม้ว่าคุณจะพย าย ามที่จะอุดมัน
แต่มันกลับใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม กว่าคุณจะปิดได้หมด
น้ำคงจะแห้งเหือดไปเกือบหมดถังแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น
คุณจะนึกถึงถังน้ำที่แ ต กร้ าว เพราะต้องทนกินน้ำที
ละนิดที่เหลือกินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ฉะนั้น เราควรคิด
ทบทวนให้ดีก่อนที่เราจะจับจ่ายอะไรไป ทีนี้เราก็มา
คิดว่าควรจะอุดรอยรั่วหลังมันรั่ว หรือควรจะป้ องกั น
ไม่ให้มันเกิดขึ้นก่อนดีกว่า
2. เรียนรู้เรื่องการจัดการเงิน
แม้ว่าจะเป็นเพียงเงินก้อนเล็ก ๆ แค่ไหนก็ตาม
แนวคิดนี้เอาไปสอนเด็ กน้อยได้เลย ตัวอย่ างเช่น
สอนให้เขาออมไว้แต่เนิ่นๆ จากที่ได้เงินไปโรงเรียน
วันละ 20 บาท ข้าวกลางวันมีแจกฟ รี มีรถรับส่งให้
ก็ให้เรากินขนมสัก 15 บาท จากนั้นก็เหลือไว้ 5 บาท
เพื่อมาหยอดกระปุกออมสิน การที่ให้เขาทำเช่นนี้นั้น
ก็เพื่อที่จะเขาจะได้รู้จักบริหารจัดการเงินของตัวเอง
เพราะการฝึกตั้งแต่เนิ่นๆ มันจะทำให้พอเขาเติบโตมา
เขาจะรู้จักการบริหารเงินเป็น และวางแผนการเงินได้ จนติดเป็นนิสัย
3. เรียนรู้วิธีการลงทุน เพื่อทำให้เงินงอกเงย
หากคิดที่จะลงทุน จงใช้เงินเย็นในการลงทุน อย่ าที่
จะพย าย ามไปกู้เงินเพื่อมาลงทุน เพราะว่าอนาคตเรา
อาจต้องลำบาก ต้องกลายเป็นท าสของเงิน ไม่ว่าจะ
เป็นในเรื่องของการใช้จ่ายที่เราต้องควบคุมตัวเองให้ได้
การประหยัดออมเงินให้เป็น และนำเงินมาลงทุ นเพื่อให้
เกิดรายได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เงินกลายเป็นท าสของ
เราได้ไม่ย าก และทำให้เรามีเงินเก็บออม เชื่อว่าอนาคต
ในวันข้างหน้าสดใสแน่นอน