
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า….
มีคุณแม่ท่านหนึ่ง เขาได้เล่าเรื่องของลูกสาวของเขาให้ฟัง และมาขอคำปรึกษาว่า
จะแนะนำลูกอย่างไรดี ? เพราะลูกสาวของเขานั้นเป็นเด็ กดี มีน้ำใจกับเพื่อนๆ เสมอ
แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น มันก็ไม่ได้เหมือนที่เราคาดหวังเสมอไป…
บางครั้ง…แม้ลูกเราจะมีน้ำใจกับเพื่อนๆ แต่เพื่อนๆ บางทีเขาก็ไม่ได้มีน้ำใจตอบกลับมา
แถมบางทีลูกสาวยังถูกเพื่อน แ ก ล้ งและโดนเอาเปรียบอีกด้วย ลูกสาวคุณแม่รู้สึกผิดหวัง
กับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่า งมาก จนเขาไม่แน่ใจแล้วว่าการมีน้ำใจกับเพื่อนๆ แบบนี้ถูกหรือไม่!!
และแม่เองก็เริ่มสงสัยและเริ่มไม่แน่ใจว่าจะตอบลูกอย่างไรดี ? อย่างไรก็ตาม คุณแม่ก็ต้อง
มีความเชื่อมั่นก่อน ในเรื่องการทำความดี มีน้ำใจกับคนรอบข้าง จึงจะให้ความเชื่อมั่นกับลูกได้
และต้องให้กำลังใจและชื่นชมในสิ่งดีๆ ที่ลูกทำลงไป และพ่อแม่บางคนอาจจะบอกลูกว่า
“ ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ไม่ต้องไปดีกับคนอื่นมาก ” หรือ “ สังคมก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครจริงใจกับเรา ”
แม้กระทั่ง การสอนให้ลูกมองโลกในแ ง่ร้ ายๆ ว่า
…ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องทำดีกับใคร และไม่ต้องไปจริงใจกับใครด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องมาผิดหวังทีหลัง
คำสอนเหล่านี้ ทำให้เกิดความ ก ลั วในใจเ ด็ก แล้วถ้าได้ฟังบ่อยๆ เด็ กบางคนมีความหวาดระ แ ว ง
ไม่กล้าที่จะเปิดใจสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใคร กลายเป็นแ ผ ลในใจของเ ด็ก และทางที่ดีนั้น
อย่ างแรก… พ่อแม่ควรให้ความมั่นใจกับลูก เพื่อให้เขามีกำลังใจและแน่วแน่ในความดีที่เราทำไป
เพราะว่าอย่ างน้อยๆ สิ่งดีๆที่เขาได้ทำนั้น มันก็ดีกับตัวของเขาเอง
จงสอนให้เขามีความหนักแน่นในความดีที่เรายึดมั่น
อย่ างที่สอง… รับฟังและยอมรับความรู้สึกผิดหวังของลูก
จงบอกกับลูกว่า เป็นธรรมดาที่ชีวิตเราต้องเจอเรื่องผิ ด หวัง
เรื่องบางเรื่องก็ไม่เป็นเหมือนที่คาดหวัง เรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ
“ เราไม่สามารถควบคุมการกระทำของคนอื่นได้ ” เราทำได้แต่เพียงตัดสินใจว่า
เราจะทำแบบไหน และเป็นอย่ างไร ?
อย่ างที่สาม… เข้าใจในตัวตนและให้ลูกได้ตั ดสินใจและเรียนรู้เองว่า
จะทำอย่ างไรต่อไป เพราะบทเรียนที่เขาจะได้เรียนรู้นั้น จะเป็นประสบการณ์ชีวิต
ที่ไว้สอนเขาในวันข้างหน้า ว่าเป็นธรรมดาที่ในชีวิตของคนเราที่ต้องพบเจอกับเรื่องผิดหวัง
และหลายๆครั้งที่ความผิดหวังที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ เพราะเกิดจากคนอื่น
ก็ขอให้อย่ าท้ อแ ท้ และมีกำลังใจในการทำความดีต่อไป
เขียนมาถึงตรงนี้ ก็ทำให้หมอคิดถึงคำพูดหนึ่งที่บอกไว้ว่า…
“ เราจงมีน้ำใจกับเขา ถึงแม้เขาไม่เห็น น้ำใจเราก็ยังมีอยู่
การที่เขาไม่มีน้ำใจกับเรานั้น ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มีน้ำใจไปด้วย
น้ำใจอยู่ที่คนให้ ไม่ใช่คนรับ ”
จงเลี้ยงลูกให้ถูกหลัก
รักลูกให้ถูกทาง
อย่ าฝึกลูกให้เป็นเทวดา
แต่จงฝึกให้ลูกมีความกล้าทางจริยธรรม