
การออมเงินนั้น ชื่อแสนง่ายดาย แต่ทำไมมันทำได้ย ากจัง คิดจะออมเงินแต่ละที
พอได้เงินมา แปปเดียวก็ใช้หมดเกลี้ยงแล้ว นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราไม่เคยใส่ใจ
ในรายละเอียดของเงินที่เราได้จ่ายออกไปเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราควรตั้งสติและ
เริ่มออมเงินด้วยการเปลี่ยนจากกระเป๋าเดียวจ่ายทุกสิ่งให้มาเป็น การแยกกระเป๋า
ใช้จ่ายเป็นเงินออม ดังนี้
1. กระเป๋าเก็บ ไว้สำหรับเก็บออมอย่ างเดียว
กระเป๋าเก็บนี้ เราไม่ควรจะนำมาใช้ เพราะเราจะต้องออมให้ได้
ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เช่น ออมไว้ใช้ซื้อบ้าน ออมไว้ใช้หลัง
จากเกษียณ หรือสำหรับกรณีฉุ ก เ ฉิ น ต่างๆ เทคนิคง่ายๆเลย
ก็คือ วันที่เงินเดือนออก ให้หักไว้ออม 10% ของเงินเดือนที่ได้มา
เช่น เงินเดือน 15,000 บาท เราก็จะเก็บ 1,500 บาท เข้าไว้เลย
และไม่เอามาปนกับกระเป๋าใช้ ส่วนวิธีเก็บแนะนำว่าให้เปลี่ยน
จากการหยอดกระปุกมาเป็นการเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคาร
แทน แถมเรายังได้ด อกเบี้ ยเงินฝากอีกด้วยนะ
2. กระเป๋าใช้ สำหรับไว้ใช้จ่ายอย่ างเดียว
กระเป๋าในส่วนนี้นั้น มีไว้สำหรับการใช้จ่ายจริงๆ เลยนั่นเอง
ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายหลักๆ เช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ
หนี้สินรายเดือน ค่าใช้จ่ายเรื่องส่วนตัว เรื่องสำคัญต่างๆ
ในครอบครัว เราก็ควรแยกไว้ที่กระเป๋าส่วนนี้ทั้งหมดเลย
เคล็ดลับก็คือ การจดบัญชีรายรับ/รายจ่ายต่างๆไว้ด้วย
เริ่มแรกเราควรเขียนไว้ก่อนเลยว่าตอนนี้มีรายการหนี้สิน
อะไรบ้าง รวมเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่า
จะสร้างหนี้เพิ่มได้มั้ย จะได้ไม่มีหนี้สินติดตัวมากเกินไป
แล้วถ้าเงินหมดเร็วกว่าที่คิดไว้ เมื่อเราเปิดบัญชีดูย้อนหลัง
ก็สามารถรู้ได้เลยว่า เดือนนี้เราหมดเงินไปกับอะไรบ้าง
มันจำเป็นจริงหรือไม่ เพื่อที่เดือนหน้าเราจะสามารถจัดการ
กับเงินของเราได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง
เห็นมั้ยว่า การแยกเป็น “ กระเป๋าเก็บ และกระเป๋าใช้ ” นั้นจะทำให้เรารู้ได้ว่า
เงินก้อนไหนเก็บไว้เพื่ออนาคต และเงินก้อนไหนเอาไว้ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมัน
ช่วยให้เราสามารถจัดการเรื่องเงินได้ง่ายขึ้น ชีวิตเราก็จะมีเงินออมไว้ใช้ใน
ย า มที่ ฉุ ก เ ฉิ น แบบไม่ต้องมีความกังวลอีกต่อไปด้วยนั่นเอง