1. ได้มาแล้วเก็บก่อน เหลือเท่าไร ให้ใช้ได้แค่นั้น
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเรานำไปใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บทีหลัง ไม่มีทางเหลือไปเก็บแน่นอน
แถมคนสมัยนี้ก็ใจอ่อน วินัยอ่อน ถึงเงินสดหมดก็รูดบัตร กดเงินจากบัตรกดเงินสดมาใช้ได้อีก
แนะนำ ลองเริ่มเก็บที่ 5 % ของรายได้ที่เข้ามาก่อน แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้มากขึ้น
2. เมื่อรายได้เพิ่ม ให้เก็บเงินเพิ่มขึ้นทุกครั้ง
เช่น ปีนี้รายได้หรือเงินเดือนเพิ่ม 5%จากฐานเดิมที่เคยเก็บเงินที่ 10% ของเงินเดือน
ก็ให้ลองเก็บเพิ่มเป็น 12% หากทำแบบนี้ได้ ยิ่งรายได้มากเงินเก็บจะยิ่งมากไปด้วย
แนะนำให้คิดไปเลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องย า ก เราทำได้สบายมาก! และนี่คือวิธีคิดของคน
ที่จะ “สบายในบั้นปลายชีวิต” มีทั้งเงินเก็บที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็มี่ชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
3. เวลาจะใช้เงิน ให้คิดว่าได้อะไร แล้วคุ้มค่ามั้ย
เมื่อกิเล สมาเยือน แต่ก่อนจะควักจ่ายเงิน จงหยุดคิดสักนิดก่อนว่า มันจะดีกว่ามั้ย?
ถ้าเงินก้อนนี้ไปอยู่ในเงินเก็บ ที่มันเพิ่มขึ้นอย่ างงดงาม แล้วก็คิดต่ออีกว่าถ้าเงินนี้
ไม่จ่ายออกไป เก็บไว้อีก 10 ปีข้างหน้าทบต้นทบด อก จะได้เงินมากมายขนาดไหน
4. หมั่นชื่นชมความเจริญเติบโตของเงินเก็บ
ข้อนี้อาจจะดูแปลกๆหน่อย แต่ถ้าหากเราลองหลับหูหลับตาเก็บเงินได้สัก 3 เดือน
ขึ้นไป ลองกลับมาดูเงินในบัญชีอีกที ทีนี้เราจะไม่อย า กไปแตะต้องมันเอง เพราะ
มันเหมือนปลูกต้นไม้ เมื่อมีความงอกงามเราก็จะรู้สึกภูมิใจ มีความสุขที่เห็นมันโต
ไม่อย า กให้มันต า ย แนะนำทุก 3 เดือน มาดูเงินเก็บพร้อมด อกผล แล้วขอบคุณ
ตัวเองที่ในวันนี้เราทำได้แล้ว จงภูมิใจกับมัน
5. นำเงินเก็บนั้น วางไว้ให้ไกลมือ
ในเมื่อเราเป็นคนที่ไม่ถูกกับเงิน อยู่ใกล้กันแล้วเงินมันจะละลายหายหมด แนะนำว่า
ให้เริ่มฝากประจำแบบหักบัญชีอัตโนมัติ เอาวันเดียวกับเงินเดือนออกเลยนะ อย่ าให้
เงินถึงมือเราก่อน ลองคิดดูเงินเก็บโตก็จริง แต่รายจ่ายโตเร็วยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นสิ่ง
ที่ช่วยให้เรามีเงินเก็บเพิ่มด้วยก็คือ อย่ าเปลี่ยนรถ เปลี่ยนมือถือบ่อย กิน เที่ยว ให้
พอดีตัว อย่ าอย ากยกระดับความหรูหราให้ตัวเอง
