
ถ้าคุณใช้ชีวิตแบบคนจน แล้วคุณจะไม่มีวันจน ประโยคนี้ที่คนสมัยก่อนมักใช้สอนลูกหลาน
ที่คนสมัยก่อนต้องประหยัด อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเคยผ่านความลำบ ากมาก่อน แต่จริงๆ
ก็ไม่เกี่ยวว่าเป็นคนสมัยไหน เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลมากกว่า และเราเชื่อว่าคนยุคใหม่
เองก็มีไม่น้อยที่รู้จักใช้เงิน และแบ่งเงินไว้เก็บออม โดยไม่จำเป็นว่ามีมากก็ต้องใช้มันมากตามกัน
ด้วยความที่โลกเราอยู่ในยุคของทุนนิยมที่เน้นเรื่อง ของการบริโภคนิยมเป็นที่ตั้ง ผู้คนจึงเชื่อว่า
ความสุขจะเกิดขึ้นได้จากการใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินหรือเที่ยวก็เลยจัดเต็มกัน ไม่มีแล้ว
สำหรับคำว่า ลำบากก่อนสบายทีหลัง เพราะต้องการสบายตั้งแต่วันนี้เลย
ผู้คนในยุคนี้มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อ ซื้ อ ความสุขมากกว่าคนในอดีต นี่เป็นความจริง
ที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี เพียงแต่ในบางครั้งนั้นเราเหมือนต้องหยุดคิด หรือเบรกตัวเองไว้บ้าง
และบางคนที่ยังเรียกตัวเองว่าไม่มีหรือจน อาจชอบเถียงว่า..
ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบจน ก็ถูกบังคับให้ต้องมีชีวิตแบบจน ๆ อยู่แล้ว
ถ้าความคิดเริ่มต้นของคุณเป็นแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่รู้ถึงความหมายเบื้องลึกเบื้องหลังขอ
งข้อความนี้ จงนำมันไปคิดและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชีวิต
มีบางคนบอกว่าเห็นคนเก็บข ย ะ เขากินอาหารถูก ๆ ใส่เสื้อผ้าตัวเก่าๆ ก็ยังคงจนอยู่วันยังค่ำ
ส่วนคนรวยที่เจ้าของร้านทอง เขาได้กินอาหารในภัตตาคารหรูหรา ใส่เสื้อผ้าราคาแพง
เห็นเขาก็ยังรวยอยู่ ถ้าคุณคิดแบบนี้ก็แสดงว่าข้อความนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณ
จะเอาไปคิดต่อได้ ชีวิตคนเราจะแต กต่างกัน ก็อยู่ที่ทัศนคติในการมองชีวิต
การเปิดกว้าง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีทัศนคติในเชิงบวกเท่านั้น ที่จะทำให้
เราก้าวข้ามกำแพงที่มีอยู่ในใจของตัวเราเองได้
ใช้ชีวิตแบบจน แล้วคุณจะไม่มีวันจน จริงหรือ ??
การใช้ชีวิตแบบคนจน ไม่ได้หมายถึงเราต้องไปต กระกำลำบา ก กินอาหารราคาถูกๆ
หรือต้องใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ข าด ๆ อะไรหรอกนะ แต่มันหมายถึงว่า เราต้องรู้จักเลือกกิน
เลือกใช้ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่กินทิ้งกินขว้าง หรือมีข้าวของมากมายเยอะแยะเกินความจำเป็น
ยกตัวอย่ างง่าย ๆเลย เช่น เด็ กที่จน เขาจะไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว จานอาหารที่วางอยู่
ตรงหน้าก็คือสิ่งที่เขาต้องกิน แต่เด็ กสมัยใหม่บางคนสั่งอาหารมาแต่ทานไม่หมด
พอถึงเวลาก็จะอ้อนสั่งอย่ างอื่นใหม่อีก หากอย ากสอนลูกด้วยวิธีที่ถูกต้องก็คือ …
ต้องทานให้หมดก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถสั่งอาหารใหม่ได้ เราต้องรับผิดชอบกับ
อาหารที่เราสั่งมา เด็ กยุคใหม่หลายคนมีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมายมาย จริงๆแล้ว
มีเท่าที่จำเป็นก็พอ บางคนมีรองเท้าตั้งหลายสิบคู่ในคราวเดียวกัน มันดูเยอะเกินไปไหม
การอยู่ในสังคม บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเห็นเพื่อนร่วมงานคือคนร่วมสังคมที่มีฐานะ
แต กต่างกัน เขาใช้ของ แ บ ร น ด์ เนมราคาแพง เราไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าหา
ของเหล่านี้มาให้ลำบาก เราเลือกที่จะเป็นและใช้ชีวิตในแบบของตัวเองที่เหมาะสมได้
ถ้าเราไม่สร้างหนี้ เราก็จะไม่มีวันจน ถึงเราจะไม่ได้มีมากเท่าคนอื่นหรือใครๆเขา
แต่ก็จงมั่นใจได้เลยว่าเราจะไม่จนแน่นอน การใช้ชีวิตในความหมายแบบจน ๆ นี่แหละ
ที่จะบ่มเพาะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวของเราไปตลอด จนเราจะไม่รู้สึกว่าตัวเองข าดอะไร
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้อะไรมาเพิ่ม มันจะเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ ในทางกลับกัน
ถ้าเราใช้ชีวิตเกิน ๆ อยู่ตลอด ถึงเวลาที่เราต้องข าด มันจะเป็นความรู้สึกที่ดีได้อย่ างไร
ลองเปรียบเทียบง่าย ๆ เลย ถ้าเรากินอาหารในห้างทุกๆมื้อ กับเลือกกิน 2-3 มื้อต่อสัปดาห์
มื้อไหนที่จะสร้างความสุขและความประทับใจให้เราได้มากกว่ากัน แถมเงินยังเหลือติด
กระเป๋ามากกว่าอีกด้วย ไม่จนกรอบก่อนสิ้นเดือนอย่ างแน่นอน ถ้าวางแผนให้ดี ๆ
ใครไม่เคยจนมาก่อน ก็คงย ากที่จะรู้ว่าความจนมันน่ากลัวขนาดไหน และนี่เองที่เป็นที่มา
ของสิ่งที่รุ่น ปู่ ย่า ต า ย าย หรือพ่อแม่ที่พวกเขาพย าย ามสอนลูกหลานอยู่เสมอ
แม้ว่าในปัจจุบัน หลายคนจะต่ อสู้จนกลายมาเป็นคนร่ำรวยได้แล้วก็ตาม การให้ลูกหลาน
รู้จักประหยัด และไม่ฟุ่มเฟือยมากไป ก็เป็นพื้นฐานที่ดีไว้ก่อนเสมอ จากนั้นที่สำคัญคือ
ต้องรู้จักคิดเพื่อต่อยอดสร้างความก้าวหน้าขึ้นไปให้ได้ ถ้าเรารู้จักใช้ชีวิตแบบคนจน
ก็คือ ให้ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หามาได้แบบนี้ไม่มีวันจนแน่ ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้เงินมากเกินกว่า
ที่หามาได้แล้วนั้น แบบนี้เรียกว่า ใช้เงินแบบคนรวยทั้งที่ไม่ใช่คนรวยจริง
ลองถามตัวเองดูว่า…คุณก็จะอยู่แบบจน ๆ แบบนี้ และไม่มีวันเป็นคนรวยกับเขาได้
แม้ว่าเราจะเป็นคนยุคใหม่ที่หันไปทางไหนก็มี แต่เรื่องของบริโภคนิยม แต่อย่ างไรตาม
ก็ขอให้มีสติ รู้เท่าทันโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป รู้ว่าตัวเราเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าเรา
อยู่ในฐานะไหน รู้ว่าการใช้จ่ายของเรามากหรือน้อยเกิน จำเป็นให้สิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่
ติดตัวเราไปไม่ว่าจะที่ไหน ๆ ในทุก ๆ วัน คุณอย ากเป็นคนแบบไหน ก็เลือกเอา …