
ณ บ้านแห่งหนึ่งนั้น มีกาน้ำชาอันสูงค่า ซึ่งเป็นกาน้ำที่ปั้นมาจากดินชนิดพิเศ ษสุดๆ
และเจ้าของกานั้น ได้วางไว้ที่หัวเตียงอย่ างทะนุถนอม จนมีอยู่คืนหนึ่งด้วยความที่
เขาเองก็ไม่ได้ ร ะ มั ด ร ะ วั ง มือของเขาเลยปัดไปปัดโดนฝากาน้ำ จนกาน้ำกระเด็ น
ตกลงสู่พื้น เขาทั้งโม โห ทั้งเจ็ บ ใจ เมื่อเขากำลังคิดว่า ถ้าหากทำฝากาน้ำแ ต กแล้ว
จะเก็บกาไว้ดูเล่นอีกทำไม พอเขาคิดได้แบบนั้นแล้ว เขาก็เลยหยิบกาน้ำชาแล้วข ว้ าง
ออกไปข้างนอกหน้าต่าง พอเขาตื่นมาตอนเช้า.. ก้าวเท้าลงจากเตียง เขาเห็นฝากาน้ำ
หล่นไปอยู่บนรองเท้านุ่นข้างๆเตียง และมันไม่ได้มีอะไรแ ต กหัก หรือเ สี ยหายเลย
แต่เขาดันขว้างกาน้ำชาทิ้งไปแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ พอยิ่งคิด ก็ยิ่ง เจ็ บ ใจไปกันใหญ่
เลย ก ร ะ ทื บ ฝากาจนมัน แ ต กละเอียด พอตอนสายๆ เขาก็เดินออกไปข้างนอกบ้าน
ปรากฏว่า… ดันไปเจอกาน้ำชาที่เขาขว้างออกไปเมื่อคืนนั้น คาอยู่บนต้นไม้ โดยที่ไม่มี
อะไรเสี ยห าย หรือแ ต กหั กแม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน…
นิทานเรื่องนี้ได้สอนให้เรารู้ว่า : กับเรื่องบางเรื่องนั้น ควรรอคอยมันบ้าง คิดไตร่ตรอง
ดูสักพัก รอดูสักหน่อย เพราะมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่ างที่เราเห็น หรืออย่างที่เรานั้นคิด
หรือที่เราเข้าใจไปเองก็ได้ ความวู่วามนั้นมันก็เหมือนกับ ปี ศ า จตัว ร้ า ย…
จงฝึกตัวเองให้ใจเย็นลงหน่อย เพราะนั่นเป็นวิธีคิดของคนที่ฉลาด
สุขใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่เป็น ใจเย็นเท่าที่ทำได้
โ มโ หไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่สร้างความทุ กข์ ใจ ให้ตัวเองเพิ่มขึ้นเท่านั้น..