Home ข้อคิดเตือนใจ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนเหล่านี้อาจจะไม่มีงานทำแล้ว

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนเหล่านี้อาจจะไม่มีงานทำแล้ว

0 second read
3

1. คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น

มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งกำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คน

ก่อนรับเข้าทำงานทางบริษัทจึงได้ให้เงินจำนวน 75 บาท แก่ผู้สมัครงานทั้ง

6 คน เพื่อให้นำเงินนั้นไปซื้อข้าวกินด้วยกันในงบที่ให้ไป แต่เมื่อไปถึงร้าน

ข้าวจานหนึ่งอย่ างต่ำก็ 15 บาทแล้ว และเงินที่ให้มานั้นไม่พอที่จะซื้อข้าว

คนละจานได้แน่ๆ พนักงานเหล่านั้นจึงพากันกลับไปที่บริษัท และเมื่อไปถึง

บริษัท ประธานรู้เข้าว่าพวกเขากลับมามือเปล่าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า

“ ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้จริง ๆ พวกคุณไม่เหมาะกับ

บริษัทของเรา ” เหตุผลก็เพราะว่ารานอาหารร้านนั้นมีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม

1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรืออ่านรายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ

และถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น ก็ยังสามารถซื้อข้าวมา 5 จาน แล้วแบ่งใส่เพิ่ม

อีก 1 จานก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกันจึงไม่มีความเป็น

ทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง หากเข้ามาอยู่ในองค์กรก็จะไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม

และนั่นก็คงไม่ต่างกับการทำงานแบบหุ่นยนต์

2. คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า

ยกตัวอย่างเช่น นายดำและ นายแดง ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง

และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2

ไปศึกษาดูงานที่สำนักต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี โดยจะได้รับเงินเดือน

แค่ครึ่งเดียว และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นายดำรู้สึกว่าเงินเดือนที่ได้นั้นมัน

น้อยเกินไปและยังต้องลำบากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไม่ฝูงก็ไม่มีสักคน

เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ไป ในขณะที่นายแดง ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่าง

ประเทศ เพราะคิดว่าได้ไปเพื่อหาประสบการณ์ก็คุ้มค่าแล้ว แถมยังได้เงิน

เดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี นายดำยังคงทำงานที่ตำแหน่ง

เดิม เงินเดือนขยับขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่นายแดง ได้กลับมาเป็นหัวหน้า

คนใหม่ของบริษัท และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านายดำถึง 5

เท่า และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่า นายดำตัดสินใจผิดพลาด หรือนายแดงตัดสินใจ

ถูกแต่อย่ างใดนะ แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

ในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่ างจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า

การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยแค่ไหน

3. ไม่หาความรู้เพิ่มเติม

โดยเฉลี่ยปกติแล้วคนเราจะใช้เวลาทำงานวันละประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งมี

คนรู้จักที่ได้ทำงานอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือการเช็คจำนวน

สินค้าในคลัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย หรือเสี่ ยงที่

จะถูกหุ่นยนต์มาทดแทนที่ในอนาคต แต่ในการทำงานปีแรกของเขามีของ

ที่ถูกส่งมาเป็นจำนวนมาก และหลังเลิกงานเขาจะใช้เวลาในการค้นหาข้อมูล

เพิ่มเติม และเขาก็ได้ค้นพบว่าของบางอย่ างเป็นที่ต้องการในตลาดอย่ าง

มาก และด้วยความที่เขาทำงานในแวดวงนี้ ทำให้เขาหาแหล่งผลิตที่ได้ต้น

ทุนในราคาถูกลง จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งสินค้ามาขายในออนไลน์ และก็ยังคง

ทำงานในโกดังเหมือนเดิม พอเวลาผ่านไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์ของ

เขาเติบโตอย่ างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี เขาก็สามารถเปิดกิจการเป็นของ

ตัวเองได้ นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง เขายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่ม

เติม นี่คือสิ่งที่แต กต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้นอกเหนือจาก 8

ชั่วโมงในเวลาทำงานเลย จึงทำให้เขาเติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น ๆ

และด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และยังเป็นแหล่ง

หาความรู้เพิ่มเติมได้ทุกๆ วัน นั่นเอง อะไรมันก็เลยดูง่ายขึ้นด้วย

4. คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

หลายคนชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆทุกวัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

ให้ป ว ด หั ว หรืองานง่ายๆที่อาศัยการจับวางไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์ หรือ

การตัดสินใจอะไรมากมาย เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจ

เท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดทำงาน

ไม่อู้งาน ไม่ต้องพักกินข้าว หรือเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือน หรือขอสวัสดิการ

อะไรเพิ่ม แถมปัญหาก็น้อยลงตามไปด้วย

5. คนที่ไม่รู้จักวิธีการลงทุนในตัวเอง

หลายคนมักจะถูกสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่

ลำบาก แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงิน สร้างรายได้ให้มากขึ้น หากเราใช้เวลา

1 ปี เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน เท่ากับว่า 10 ปี เราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน แต่แบบนั้น

มันไม่ได้เรียกว่าคุณเก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บเงิน

ให้ได้จำนวน 1 ล้านบาท ในขณะที่บางคนอาจจะหาเงินล้านได้ภายในปีเดียว

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการที่เรา

รู้จักลงทุนกับตัวเองให้ถูกทาง คุณก็จะได้กลับคืนมามากกว่านั้นหลายเท่าตัว

บางคนจ่ายเงินเพื่อ ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย… จนมีไอเดียและช่องทางที่

จะทำธุรกิจ ขายอาหารเสริมสำหรับคนรักสุขภาพ หรือเปิดยิมเป็นของตัวเอง

แถมยังมีลูกค้าที่เจอในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกายอีก

บางคนจ่ายเงินเพื่อ ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก… ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น

ได้เห็นธุรกิจใหม่ๆที่ต่างประเทศที่ไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อ

ยอดที่บ้านตัวเอง

…” เวลา ” จะช่วยบอกเองว่า เงินที่คุณลงทุนไปกับตัวเองนั้น มันทำให้คุณได้อะไร

กลับมาบ้าง และมันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า

และมันจะเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็จะให้ประสบการณ์

ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้กับคุณอยู่ดี

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดเตือนใจ

Check Also

ขอฝากถึงลูกๆทุกคน เมื่อวันหนึ่งที่พ่อแม่ต้องเดินทางไกล

ลองคิดดูนะว่า…การที่เราได้เกิดมาลืมต าดูโลกนั้น ค … …