Home ข้อคิดเตือนใจ ถ้าไม่มีลูก อยู่ตัวคนเดียว แก่ตัวไปใครจะเลี้ยงดูเรา

ถ้าไม่มีลูก อยู่ตัวคนเดียว แก่ตัวไปใครจะเลี้ยงดูเรา

0 second read
0

เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า หากไม่มีลูก เเก่ตัวมาแล้วใครจะมาเลี้ยงเรา

ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกส่งต่อสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณนานมามากแล้ว แถมหลายๆ คนก็

ยังมีความคิดกันแบบนี้กันอยู่ด้วย แล้วตัวคุณล่ะ มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่ างไรกับเรื่องนี้

และวันนี้เราได้นำเรื่องนี้มาฝาก เพื่อช่วยให้สอนใจเราได้บ้าง

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า…

มีคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่สามีของเธอได้จากโลกนี้ไปนานมากแล้ว

ต้องเธอทำงานเพียงคนเดียว โดยสอนหนังสือเพื่อนำเงินมาเลี้ยง

ครอบครัว เธอได้เลี้ยงลูกชายจนเติบโตมา และลูกของเธอก็เป็น

คนที่ว่านอน สอนง่าย เป็นคนที่เชื่อฟังแม่ตั้งแต่ เ ด็ ก ๆ เลยก็ว่าได้

เมื่อพอลูกโตขึ้น เธอก็ส่งไปให้น้องเรียนต่อที่อ เ ม ริ ก า

หลังจากเรียนจบจากเมกาแล้ว ลูกชายของเธอก็ได้อยู่ทำงานที่

นั่นต่อเลย เขาซื้อบ้าน แล้วแต่งงาน มีลูก 1 คน สร้างครอบครัว

กันอบอุ่นและมีความสุขอยู่ต่างประเทศ ลุกชายเขาเลยชวนแม่

ไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ เขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับลูกๆที่นั่น

และยังมีลูกสะใภ้และหลาน ที่ อ เ ม ริ ก าอยู่ด้วย

ในช่วงวัยหลังเกษียณ บั้นปลายชีวิต เธอก็ดูชีวิตมีความสุขดี

ซึ่งเมื่อสามเดือนก่อน ที่เธอจะเกษียณนั้น เธอก็รีบเขียนจดหม า ย

ไปบอกกับลูกชาย ซึ่งเนื้อหาในจดหมายนั้น ได้บอกถึงความปรารถนา

กับลูกชายว่า… มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงย ามเเก่ คิดถึงสายตาของญาติพี่น้อง

เพื่อน ๆ เพียงแค่คิดถึงภาพเห ล่ านั้นว่าทุกคนจะอิจฉาเธอ เธอก็มีความสุข

จากนั้นเธอก็ส่งไปให้ลูกชายที่ต่างประเทศ แล้วก็รอจดหมายตอบกลับ

จากลูกชาย ซึ่งเธอก็จัดการเรื่องบ้าน งานต่าง ๆ ไว้อย่ างเรียบร้อย

และในคืนสุดท้ายก่อนที่เธอเกษียณนั้น จดหมายจากลูกชาย ณ แดนไกล

ก็มาถึง พอเธอเปิดออกมาดูก็เห็นว่าเป็น เช็คมู ล ค่ ากว่า 3 หมื่นเหรียญด อ ล ล่ า ห์

เธอรู้สึกแปลกใจมาก ๆ เพราะลูกชายไม่เคยส่งเงิน ให้เธอเลย แล้วจากนั้น

เธอก็ได้เปิด อ่ านจดหมายที่มีใจความว่า…

แม่ครับ เราได้คุยกันแล้วและได้ข้อสรุปว่า พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยที่อ เ ม ริ ก า

ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุ ญคุณที่เลี้ยงดูผม คำนวณตามราคาตลาดก็ประมาณ 20,000 กว่าเหรียญ

ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อยแล้วส่งเช็คให้ 30,000 เหรียญมาให้แม่นะครับ หวังว่าต่อไปนี้

แม่จะไม่เขียนจดหมายหาผมอีก…

หลังจากที่เธอได้อ่ านจดหมายฉบับนั้นจบแล้ว น้ำตาเธอก็ไหล

รู้สึกเหมือนต้องเป็นม่ ายไปตลอดชีวิต และหลังจากนั้นเธอก็ได้ตัดสินใจ

ที่จะศึกษาพระพุ ท ธ ศ า ส น า หลังจากนั้นเธอก็คิดได้ว่าเธอจะนำเงิน

จำนวน 3 หมื่นเหรียญที่ลูกชายเธอให้นั้น ไปเที่ยวรอบโลก เพื่อที่จะได้

ไปเห็นอะไรใหม่ ๆ แล้วจากนั้นเธอก็เขียนจดหมาย 1 ฉบับหาลูกชายอีก

ใจความในจดหมายเขียนว่า…

ลูกรัก ลูกไม่อย ากให้แม่เขียนจดหมายมาอีกก็ให้คิดเถอะว่าจดหมายฉบับนี้

เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วนะ แม่ได้รับเช็คแล้วและใช้เงินนั้นเพื่อ

เดินทางเที่ยวรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่นั้น อยู่ ๆแม่ก็รู้สึกว่าแม่

ควรขอบใจลูก “ ขอบใจ ” ที่ทำให้แม่ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่ างเลย

แม่ได้ปล่อยวาง มันทำให้แม่ ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน

คนรัก มันไม่มีรากหยั่ งลึกเลย มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ต ก ยังยึดติด ยังทุ ก ข์ แม่คงจากโลกนี้ไปแล้ว

จากการปฏิเสธของลูกคราวนั้นทำให้แม่ได้เห็นว่า คนเราถ้ามีว า ส น า

ก็ได้เจอ หมดว า ส น าก็ต้องจากกัน ทุกอย่ างไม่เที่ยงแท้

ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ มองทุกอย่ างในเชิงบวก แม่ไม่มีลูกแล้ว

แม่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป ฉะนั้น แม่จึงสามาถที่จะอยู่ได้ โดยไม่มีมัน…

เรื่องนี้อ่านแล้ว รู้สึกว่าเขาเป็นแม่ที่น่าสงส ารมาก คนเป็นพ่อเป็นแม่

ก็คงอย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้รับกลับมา

มันกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเลย

มีคนเคยกล่ า วเ อ าไว้ว่า.. บ้านของพ่อแม่คือบ้านของลูกตลอดเวลา

แต่บ้านของลูกนั้น ไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่หรอก…

การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ การเลี้ยงดูเป็นภาระหน้าที่

การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจ ผิ ด ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไร

แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ แม้ว่า..ไม่ใช่ลูกทุกคนที่จะเป็นเหมือนลูกชายในเรื่องนี้

ที่ไม่มีหัวใจ แต่คนเป็นพ่อแม่ ก็ไม่ควรคิดว่าเเก่แล้วจะต้องพึ่งพา ลู ก ๆ

หากจะพูดกันตามตรง เเก่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง เมื่อลูกกตัญญูต่อคุณ

นั้นก็แสดงว่า..คุณมีบุ ญมาก หากลูกไ ม่กตัญญูพอ พ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้

วิธีที่ดีที่สุดคือ การวางแผนชีวิตตนเอง พึ่งพาตนเองให้ได้

จากมุมมองของสังคม การมีลูกจะได้มีเลี้ยงตนตอนเเก่นั้น เป็นความปรารถนาของใจ

แต่ในปัจจุบันนี้อะไรหลายอย่ างมันเปลี่ยนไปแล้ว และยุคนี้ไม่เหมาะที่จะคิดว่า

มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงตอนเเก่อีกด้วย

เราหวังว่า เรื่องนี้จะช่วยเตือนสติใครหลาย ๆ คนได้

การไปวางความคาดหวังไว้กับลูกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย

ขนาดคุณยังชอบที่จะเลือกทางเดินให้กับตัวเอง แล้วลูกคุณ

เขาจะไม่อย ากทำบ้างหรือ ? หากคาดหวังมีลูกเ อ าไว้เลี้ยง

ตนตอนเเก่นั้นมัน ผิ ด และเห็นเเก่ตัวตั้งแต่คิดแล้ว

เขาควรจะมีชีวิตที่เขาได้เลือกเอง ในขณะเดียวกันคุณก็เลือกที่จะใช้ชีวิต

ในแบบของตัวเองได้เหมือนกัน

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดเตือนใจ

Check Also

ขอฝากถึงลูกๆทุกคน เมื่อวันหนึ่งที่พ่อแม่ต้องเดินทางไกล

ลองคิดดูนะว่า…การที่เราได้เกิดมาลืมต าดูโลกนั้น ค … …