Home ข้อคิดเตือนใจ (ให้พ่อแม่ได้อ่ า น) แม้จะรวยมากแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกเหมือนคนจน

(ให้พ่อแม่ได้อ่ า น) แม้จะรวยมากแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกเหมือนคนจน

0 second read
0

เรื่องมันมีอยู่ว่า… มีวันหนึ่งผมได้พาลูกผมไปร้านเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ลูกของผมเธออย ากได้กล่องดินสอ

เขามองหน้าผมแล้วบอกกับผมว่าเขาอย ากได้แบบนั้นแบบนี้ เขาเลือกอันหรูหรา แต่ผมให้เขาเอาแค่แบบ

ธรรมดาๆ เพราะคิดว่ามันก็ใช้งานได้เหมือนๆกัน ลูกผมทำหน้างอใส่ผมทันที เขาร้องไห้อย ากได้ไม้บรรทัด

ก็อย ากได้แบบสวยๆ แต่ผมให้เขาเลือกเอาแค่แบบที่มันใช้งานได้เท่านั้น ลูกก็ทำหน้าห งิ กหน้างอเข้าไปอีก

แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร และตั้งใจว่าคืนนี้ก่อนนอน ผมจะสอนและชี้แนะให้เขาด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรย

เพื่อให้เขาได้เข้าใจถึงเหตุผลที่ผมทำลงไปต่างๆ หลังจากผมได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูก

ไม่ให้เหมือนที่คนเอเชียเขานิยมกัน ที่ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก ดูแลปกป้องแบบไ ข่ในหิน ประค บประห ง ม

จนเกินไป พอนานหลายปีผ่านไป… ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูกของผมเริ่มจะลำบากมากขึ้นในทุกๆวัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง…ผมได้อ่ านจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่ง ที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทย าลัยนานกิง

จดหมายจากผู้ใช้นามว่า “ พ่อผู้ข มขื่ น ” เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทย าลัยนั้น แต่เขาไม่ได้

เปิดเผยชื่อลูกเขา จดหมายฉบับนี้มีคุณค่าในสายตาของผมมาก ในจดหมายได้เขียนเอาไว้ว่า…

ถึงลูกรักของพ่อ…แม้ลูกจะทำให้พ่อทุ กข์ใจเกินคำบรรย าย แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำ

หลังจากที่ลูกสอบเข้ามหาวิทย าลัยได้แล้ว และอาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูลเราในรอบหลายชั่ วอายุคน

ที่ทำมันได้สำเร็จ หลังจากนั้นพ่อก็ชั กเริ่มไม่แน่ใจว่า ตกลงแล้วใครเป็นพ่อและใครเป็นลูกกันแน่

เหมือนต่ อมลูกหม ากของพ่อ มันลดลงไป 3 เท่าพ่อเมื่อลองทำวิธีนี้ พ่อช่วยแ บ กสัมภาระไปส่งลูกถึงหอพัก

ช่วยกางมุ้ง ปูเสื่อ ปูที่นอน ซื้ อข้าวปลาอาหารให้ ต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบย าสี ฟั น ออกจากหลอด

ดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ แม้จะไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณจากจากลูกสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ

เลยก็ตาม พ่อรู้สึกว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่เลยด้วยซ้ำ ที่พ่อผู้ด้อยความสามารถคนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูกทู นหัว

ที่บัดนี้ได้กลายเป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติไปแล้ว ในปีแรกตลอดทั้งปี ที่บ้านได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ

ข้อความรวมกันแล้วอาจย าวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่งฉบับหน่อย ข้อความดูย่ นย่ อ ลายมือตะหวัดอ่ านย าก

มีแต่คำว่า “ เงิน ” ที่ดูเหมือนตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุด พอลูกขึ้นปีที่สอง จดหมายก็เริ่มส่งมาแบบถี่ๆ ข้อความในนั้น

ล้วนแล้วเป็นการขอเงินเพิ่ม ลีล าการเร่ งเร้ าให้รีบส่งเงินให้ ข้อความที่เรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า

หากลูกเรียนจบแล้ว ลูกสามารถไปยึ ดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้าที่เ ร่ งรั ดห นี้สิ นได้อย่ างยอดเยี่ยมแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้พ่อเ จ็ บ ป วดที่สุดนั้น มาจากการที่ลูกเขากล้าหาญถึงขั้น ต้องปลอมแปลงตัวเลขจำนวนเงิน

ที่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตของมหาวิทย าลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้มาห ล อกล วงเงินทองจากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด

ที่เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอด เพียงเพื่ออย ากได้เงินเพิ่มไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์และร้องคาราโอเกะเพียงเท่านั้น

เมื่อได้คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็เ จ็ บเมื่อนั้น นอนไม่ค่อยหลับ จนกลายมาเป็นโ ร คซึมเศร้าไปซะแล้ว สาเหตุก็มาจากลูก

คนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติ บใหญ่ แต่กลับกลายเป็นคนแป ลกหน้ าในร่ างของนักศึกษาคนนี้นี่เอง ขอภาวนาในใจว่า

นอกจากวิชาความรู้ต่างๆที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาแล้ว ลูกควรจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสั ตย์

และกตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หลังจากได้อ่ านจดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้าเพื่อ

ทำตามนโยบาย ในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบ ากในสังคมของเราในตอนนี้ก็ตาม

มีอยู่วันหนึ่ง…มีเพื่อนสมัยเรียน ที่ย้ ายไปออสเตรเลียกลับมาเยี่ยมบ้าน ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกันกับเขา เขาเล่าว่า…

คนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือในพระเจ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นก็คือ วิธีการเลี้ยงลูกแบบ “ แม้จะรวยแค่ไหน

ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ” พวกเขาเชื่อว่าเ ด็ กที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การถูกปกป้องดูแลมากไปของพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นแล้ว

จะไม่สามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองได้ และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น แม้กระทั่งจะเป็นพ่อแม่ตัวเองก็ตาม

วันถัดมา…เราได้มีโอกาสออกไปทำธุระข้างนอกด้วยกัน เจอฝนต กระหว่างทาง เขาเห็นเด็ กน้อยคนหนึ่งถูกห่อหุ้ม

ด้วยผ้านวมอย่ างหนา ดูกลมไปหมดทั้งตัว จนดูคล้ายๆ “ ลูกบอลยั ดนุ่น ” เขาบอกว่าเด็ กควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่า

ผู้ใหญ่หน่อย เขาเล่าว่าในออสเตรเลียแม้หน้าหนาว ก็จะไม่เห็นเด็ กที่ถูกห่อแบบลูกบอลยั ดนุ่นเหมือนที่เห็นตอนนั้

หรือในวันที่แดดจ้า แม้เด็ กจะนั่งอยู่ในรถเข็นเด็ ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแ ข็งไม่ยอมดึงที่บังแดดออกมากันแดดให้ลูก

เด็ กที่วิ่งเล่นแล้วห กล้ มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ ให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง วิธีต่างๆนาๆ ล้วนพย าย ามให้ลูก

ได้ฝึกช่วยตัวเองให้เป็นและอดทนให้ได้มากที่สุด ธ ร ร มเ นี ยมของครอบครัวชาวเอเชียอย่ างพวกเรา ๆ หลักการที่

ยึดติดมานานกับแบบที่ว่า “ จะย ากจนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องมาลำบาก ” คงถึงเวลาที่ต้องทบทวนกันใหม่ได้แล้ว

การเลี้ยงลูกของสั ตว์ทั้งหลายในโลกใบนี้ ตอนลูกยังเล็กและอ่ อนแ อ สั ต ว์บางชนิด อ มลูกไว้ในปาก บางชนิดซุ กลูก

ไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ป ลอดภั ย แต่พอลูกเริ่มโตได้ที่แล้ว พวกเขาจะไล่ลูกออกไปอย่ างไร้เยื่อใย เพื่อให้ลูกออกไป

เผชิญกับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิทย ายุ ทธเอง ไปเผชิญปั ญ ห าและม ร สุ มในทุกรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน

เห็นหรือยังว่า แม้แต่สั ต ว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า “ โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการฆ่ าลูกแบบเลื อ ดเย็น ”

“ แม้คุณจะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบคนจน ” วิธีนี้จะเป็นเหมือนการบังคับให้ลูกๆ ทั้งหลายรู้จักการยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง

และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณ คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วยวิธีปกป้องหรือโอ๋ลูก

ขนาดไหนก็ตาม คุณคงไม่มีปั ญ ญ าตามไปวุ่ นว ายหรือตามไปดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา เพราะตอนนั้น

คุณคงได้เวลาที่คุณจะได้หลับย าวไปแล้ว

ขอขอบคุณ : ขจรศักดิ์

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดเตือนใจ

Check Also

ขอฝากถึงลูกๆทุกคน เมื่อวันหนึ่งที่พ่อแม่ต้องเดินทางไกล

ลองคิดดูนะว่า…การที่เราได้เกิดมาลืมต าดูโลกนั้น ค … …